ไม่น่าเชื่อว่า บนเกาะห่างไกลความเจริญ กลางท้องทะเลอันดามันอันสวยงาม ห่างจากฝั่งในเขตประเทศเมียนมาร์กว่า 60 กม. ก็ยังมีให้เห็นอยู่ในทุกวันนี้
บนหาดทรายขาวทอดยาวบนเกาะที่มีพื้นที่ติดๆกัน มีหมู่บ้านชาวพม่า เรียกว่าชาวเกาะเมือง และชาว "มอแกน" ตั้งเรียงรายทอดยาวกว่า 2 กิโลเมตร
3 ใน 4 ของอาณาเขตนี้ เป็นที่อยู่ของชาวเกาะเมืองที่มีความเจริญมากกว่า มีบ้านเรือนที่ปลูกสร้างทันสมัยกว่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกแทบจะเท่าคนที่แผ่นดินใหญ่ มีเสื้อผ้า หน้า ผม คล้ายๆกับคนเมือง
ถัดไปในเขต 1 ใน 4 ที่เหลือ
จากทางเดินที่ลาดปูนเรียบตามชายหาดริมทะเล มาสิ้นสุดลงตรงก่อนที่จะถึงอาณาเขตของชาวเลเร่ร่อน "มอแกน"
ซึ่งทุกวันนี้ ชาวมอแกนไม่ได้นอนค้างอ้างแรมอยู่แต่ในเรือเพียงแค่นั้น ยังจำเป็นต้องขึ้นเกาะ เพื่อซ่อมแซม ปรับปรุงเรือ
เรือซึ่งทุกวันนี้ก็ต้องคล้อยตามกระแสโลกด้วยการใช้เครื่องยนต์และเทคโนโลยีต่างๆ หรือพักพิงหลบพายุฝนช่วงมรสุม รวมทั้งสุขอนามัยและต้องพึ่งพาโรงเรียนสำหรับลูกน้อย จึงจำเป็นต้องสร้างที่พักอาศัยที่เป็นหลักแหล่งถาวร
เพียงก้าวข้ามสุดเขตแนวพื้นปูน จะมีระยะ Free Zone ประมาณ 50 เมตร ที่มีแต่ต้นมะพร้าวและวัชพืชรกเลื้อย นั่นคือเขตหมู่บ้าน "มอแกน"
ช่างแตกต่างจากหมู่บ้านชาวเกาะเมืองอย่างเห็นได้ชัด
บ้านที่ปลูกแค่เป็นบ้าน บางหลังยังคงมุงหลังคาด้วยจากด้วยมะพร้าว ไม้ที่นำมาสร้างก็เป็นไม้ที่หาได้จากแถบๆนั้น บางหลังพอมีฐานะขึ้นมาบ้างก็มุงสังกะสี แต่ยังไม่ถึงขั้นมุงกระเบื้องหลากสีแสบตา
เด็กน้อยที่นี่ ดูจะมีมากพอๆกับผู้ใหญ่ บางคนเสื้อผ้าไม่ใส่ ตัวดำเงา ตากลมโต คิ้วเข้ม รับกับใบหน้าทรงเหลี่ยม
แต่ที่น่าเล่าขานนั่นคือวิถีปฏิบัติอย่างเจียมตัวของชาว "มอแกน"
ผู้หลักผู้ใหญ่จะสอนเด็กน้อยของพวกเขาเสมอว่า "ห้าม" เดินหรือวิ่งเล่นเข้าไปในเขตของคนเกาะเมืองโดยเด็ดขาด จะไปได้ก็แต่ผู้ใหญ่ เพื่อซื้อหาหรือแลกเปลี่ยนสินค้าเป็นบางครั้ง หรือในกรณีฉุกเฉินเพียงแค่นั้น ไม่มีสัมพันธภาพนอกเหนือไปกว่านี้
นั่นคือสิ่งที่ไกด์นำเที่ยวบอกกับเรา ซึ่งทำให้เราต้องถามต่อว่า "ทำไม"
ไกด์ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคน ได้เล่าต่อไปว่า ชาว "มอแกน" เค้าเป็นคน "เจียมตน"
เป็นชนที่ช่างแบ่งแยกจริงๆ
#caravanthailandtravel #portodiscovery
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น